การจะทำให้สินค้าดูน่าสนใจและน่าซื้อหานั้น การออกแบบและการพิมพ์กล่องให้สวยงาม มีเอกลักษณ์ และอธิบายตัวตนของสินค้าได้ดี ก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในการสร้างแบรนด์สินค้า เพราะเมื่อสินค้าวางขายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในร้านค้าออนไลน์หรือวางขายที่หน้าร้าน ลูกค้าก็จะมองเห็นและตัดสินใจจากรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้าก่อน ดังนั้นการออกแบบและการพิมพ์กล่องสินค้าให้สวยงาม โดดเด่น จึงสามารถดึงดูดใจลูกค้าได้ ต้องทำอย่างไรถึงจะออกแบบและพิมพ์กล่องสินค้าให้โดดเด่น ดึงดูดใจลูกค้าได้
Photo credit : https://samanthaleewalker.blogspot.com
✐ 4 เคล็ดลับการออกแบบและพิมพ์กล่องสินค้าให้สะดุดตาลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น
รูปทรงและประเภทของกล่อง
รูปทรงและประเภทของกล่องสินค้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่จะต้องคำนึงถึงและตัดสินใจเลือกให้ดี ให้เหมาะกับตัวสินค้า โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างในการออกแบบ เช่น
- ผลิตภัณฑ์ความงาม หากเป็นกระปุกครีม กล่องสินค้าก็ควรเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขนาดความกว้างและความสูงเพียงพอให้ใส่กระปุกครีมลงไปได้ โดยอาจออกแบบและพิมพ์กล่องให้มีชิ้นส่วนของกล่องที่ช่วยล็อคสินค้าไม่ให้ขยับไปมาในกล่อง จนเกิดความเสียหายได้
- ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม วิตามิน และอาหารเสริม การออกแบบและพิมพ์กล่องผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม วิตามิน และอาหารเสริมควรคำนึงถึงขนาดบรรจุของสินค้าและการใช้งานสินค้าเป็นหลัก เช่น หากสินค้ามีลักษณะเป็นซอง อาจออกแบบให้กล่องสินค้าสามารถพับลงและกลายเป็นที่ใส่ซองผลิตภัณฑ์ที่หยิบใช้ง่าย หากเป็นกล่องขนมหรือชา ก็สามารถออกแบบและพิมพ์กล่องให้มีรอยปรุ และเมื่อเปิดกล่องแล้ว ก็สามารถใช้รอยปรุนั้นเป็นตัวล็อคฝากล่อง หรืออาจออกแบบและพิมพ์กล่องให้มีลักษณะเป็นกล่องฝาสไลด์หรือกล่องแบ่งช่องก็ได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการหยิบและการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์
- ผลิตภัณฑ์อุปโภคหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในการออกแบบและการพิมพ์กล่องให้แก่ผลิตภัณฑ์อุปโภคหรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อาทิ สินค้าเครื่องประดับ, อุปกรณ์เครื่องเขียน กล่องรองเท้า หรือกล่องอุปกรณ์ไอที ควรออกแบบและพิมพ์กล่องให้เหมาะสมกับรูปทรง ขนาด และปริมาณของสินค้า เช่น หากเป็นสินค้าเครื่องประดับอาจออกแบบและพิมพ์กล่องให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสแบบมีฝาปิด เพื่อเพิ่มความหรูหราน่าประทับใจให้กับสินค้า หรืออาจเลือกใช้กล่องแบบเจาะใส่พลาสติกใสด้านหน้า เพื่อโชว์สินค้า
- รูปทรงและประเภทกล่องต่าง ๆ ที่เหมาะกับการออกแบบและการพิมพ์กล่อง
✿ กล่องทรงสูง - มีทั้งแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมาะกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวด หรือมีรูปทรงสูง
✿ กล่องทรงเตี้ย - มีทั้งแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมาะกับสินค้าที่มีลักษณะเป็นกระปุก สินค้าเครื่องประดับ หรืออาหาร ขนม
✿ กล่องทรงหมอน - มีรูปทรงมนรี และฝาแบบพับปิดทบกันสองด้าน เหมาะกับสินค้าที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เช่น ผลิตภัณฑ์ขนาดทดลอง
✿ กล่องจั่วปัง - กล่องที่มีการใช้กระดาษหลายชั้น เป็นกล่องที่มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด สามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้ มักนิยมทำฝากล่องเป็นแม่เหล็ก ฝากล่องมีบ่า ฝากล่องโชว์บ่า ฝากล่องเต็มใบ ฝากล่องไม่เต็มใบ และฝากล่องลิ้นชัก เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความพรีเมียม เช่น ชุดชา ชุดหนังสือ หรือโทรศัพท์มือถือ
✿ กล่องทรงแบน - กล่องชนิดนี้จะมีความสูงไม่มากนัก เหมาะกับสินค้าที่มีลักษณะแบน เช่น เสื้อผ้า ปลอกหมอน หรือสมุดจด
✿ กล่องฝาสไลด์ - ออกแบบและพิมพ์กล่องให้ฝาสามารถเปิดแบบสไลด์คล้ายลิ้นชัก เหมาะกับสินค้าที่มีการหยิบใช้บ่อย ๆ หรือเพื่อสร้างลูกเล่นให้กับตัวสินค้า เช่น ชาและกาแฟแบบซอง, อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์เครื่องเขียน
✿ กล่องแบ่งช่อง - เป็นกล่องที่แบ่งออกเป็นช่อง ๆ ช่วยให้สะดวกในการบรรจุสินค้า เหมาะกับสินค้าประเภท ชาแบบซองหลายรสชาติในกล่องเดียว ขนม หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
✿ กล่องแบบเจาะฝาเพื่อโชว์สินค้า - ฝากล่องจะมีการเจาะเพื่อใส่พลาสติกใสสำหรับโชว์สินค้า
✿ กล่องหูช้าง - มีลักษณะคล้ายกล่องไปรษณีย์ มักนิยมใช้เป็นกล่องอาหาร กล่องขนม
Photo credit : Samantha Levine // jayce-o.blogspot.com
การออกแบบกล่อง
เมื่อเลือกรูปทรงและประเภทของกล่องได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการออกแบบกล่องให้ตอบโจทย์แบรนด์สินค้าและมีความสวยงามดึงดูดใจลูกค้า และต้องทำหน้าที่บอกเล่าข้อมูลของตัวสินให้กับลูกค้าได้
- ฟอนท์ ต้องเลือกใช้ฟอนท์ให้สวยงาม อ่านง่าย มีสีสันที่ไม่บาดตา และมีขนาดที่เห็นชัดเจน
- สีกล่อง ควรออกแบบและพิมพ์กล่องสินค้าให้มีสีกล่องล้อไปกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Corporate Identity (CI)) หากมีการใช้สีอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือสีประจำแบรนด์ ควรเลือกใช้สีที่มีโทนใกล้เคียงหรืออยู่ในโทนเดียวกัน
- การจัดวางชื่อแบรนด์หรือโลโก้ ควรออกแบบและพิมพ์กล่องให้มีการจัดวางชื่อแบรนด์หรือโลโก้ของแบรนด์ไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนและมีขนาดที่ใหญ่พอสมควร เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำชื่อแบรนด์ได้ง่าย
- รายละเอียดของสินค้า ควรออกแบบและพิมพ์กล่องสินค้าให้มีรายละเอียดของสินค้าอยู่บนตัวกล่องด้วย โดยด้านหน้าฝั่งเดียวกับโลโก้หรือชื่อแบรนด์ ควรมีคำอธิบายสินค้าสั้น ๆ พร้อมสโลแกนของสินค้า และควรมีรายละเอียดของสินค้าอย่างละเอียดไว้ที่อีกด้านของกล่อง เช่น ส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต เครื่องหมายรับรองจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และวันที่ผลิต/วันหมดอายุ
- ลวดลายและการตกแต่งกล่องสินค้า การออกแบบและการพิมพ์กล่องในส่วนนี้อาจทำหรือไม่ทำก็ได้ หากต้องการกล่องสินค้าที่มีความเรียบง่ายหรือเรียบหรู ก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไป แต่หากต้องการให้กล่องสินค้ามีลูกเล่นสนุกสนานน่าสนใจ ก็ควรออกแบบลวดลายกราฟิกลงไปบนกล่องสินค้าด้วย โดยอิงจากภาพลักษณ์ของสินค้า (Corporate Identity (CI)) ชื่อแบรนด์ หรือส่วนผสมหลักของสินค้า
วัสดุที่ใช้พิมพ์กล่อง
เมื่อออกแบบและพิมพ์กล่องจนได้แบบที่ตรงตามความต้องการแล้ว ก็มาถึงการเลือกวัสดุที่ใช้พิมพ์กล่อง ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการออกแบบเลย เพราะวัสดุที่จะนำมาใช้พิมพ์กล่อง ต้องตอบโจทย์ประเภทสินค้า รูปแบบของสินค้า และการใช้งานของสินค้า โดยวัสดุที่นำมาใช้พิมพ์กล่องสินค้า มีให้เลือกหลัก ๆ ดังนี้
- กระดาษคราฟท์สีน้ำตาล ทำจากเยื่อกระดาษรีไซเคิลร้อยเปอร์เซ็นต์ มีความหนา และแข็งแรงทนทาน ไม่เปื่อยยุ่ยง่าย และไม่มีกลิ่น เหมาะสำหรับการใช้ให้กับสินค้าที่มีคอนเซปท์ใกล้ชิดธรรมชาติ หรือผลิตจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเหมาะกับสินค้าแนวอนุรักษ์โลกด้วย
- กระดาษอาร์ตการ์ด เป็นกระดาษพิมพ์กล่องที่ผ่านการเคลือบผิวให้เรียบ และมีความหนา มีให้เลือก 2 แบบ คือกระดาษอาร์ตการ์ดหน้าเดียว และกระดาษอาร์ตการ์ดสองหน้า เป็นกระดาษพิมพ์กล่องที่พิมพ์แล้วจะให้สีที่สดใส ชัดเจน มักใช้ที่ความหนา 250 - 350 แกรม เหมาะกับการใช้พิมพ์กล่องผลิตภัณฑ์เครื่องความงาม กล่องขนม หรือกล่องชา
- กระดาษแป้งหลังขาว เป็นกระดาษพิมพ์กล่องที่ทำจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล แล้วเคลือบมันทั้งสองด้าน กระดาษจึงมีสีขาวทั้งสองด้าน แต่อีกด้านหนึ่งจะขาวกว่าเล็กน้อย เพื่อใช้พิมพ์โลโก้และรายละเอียดของสินค้า เหมาะกับการพิมพ์กล่องสินค้าหลากหลายประเภท เช่น เบเกอรี่แบบพรีเมี่ยม กล่องสินค้าความงาม กล่องสินค้าอุปโภคต่าง ๆ สามารถใช้ทดแทนกระดาษอาร์ตการ์ดหน้าเดียวได้ เพื่อลดต้นทุน
- กระดาษแป้งหลังเทา (Duplex Board with Grey Back) ทำจากกระดาษ Paperboard ที่ผลิตจากเยื่อกระดาษรีไซเคิลในสัดส่วน 75% ขึ้นไป แล้วนำไปเคลือบมัน ด้านหนึ่งของกระดาษจึงมีสีขาว ๆ มัน ๆ ส่วนอีกด้านจะเป็นกระดาษสีเทา มักนิยมใช้ที่ความหนา 310-350 แกรม มักใช้พิมพ์กล่องใส่ขนมต่าง ๆ ขนมเค้ก เป็นต้น
- กระดาษจั่วปัง เป็นกระดาษพิมพ์กล่องที่ทำจากการนำเยื่อกระดาษรีไซเคิลหลายชนิดมาประกอบกันหลาย ๆ ชั้น จนได้เป็นกระดาษพิมพ์กล่องสีเทาที่มีเนื้อกระดาษหนาและแข็งแรงทนทานมาก ๆ และทำให้กล่องสินค้าดูมีความพรีเมี่ยม
- กล่องพลาสติกพีวีซีแบบใส หากเป็นสินค้าที่ต้องการโชว์สินค้าที่อยู่ภายในกล่อง เช่น เมาส์คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ไอทีประเภทอื่น ๆ ตุ๊กตา, ของเล่น หรือเครื่องประดับ การใช้พลาสติกพีวีซีใสพิมพ์กล่อง ก็จะช่วยตอบโจทย์สินค้าได้ดี อีกทั้งกล่องยังมีความทนทานและกันน้ำอีกด้วย
Photo credit : shopify.com
เทคนิคการพิมพ์กล่องในรูปแบบต่าง ๆ
- ปั๊มนูน (Embossing) หากต้องการพิมพ์กล่องให้มีความสวยงามและดูพรีเมียม อาจเลือกใช้เทคนิคการพิมพ์กล่องแบบปั๊มนูน ที่ใช้วิธีการกดทับภาพพิมพ์ลงบนกระดาษ เพื่อให้กระดาษอีกด้านนูนออกมาเป็นรูปแบบตามแม่พิมพ์
- ปั๊มฟอยล์เงิน–ทอง (Hot Stamping Foil) เพื่อเพิ่มความหรูหราและความพรีเมียมให้กับกล่องสินค้า แนะนำให้เลือกใช้เทคนิคปั๊มฟอยล์เงินหรือทองลงไปบนกระดาษ โดยเทคนิคนี้เป็นการใช้เครื่องพิมพ์กดแผ่นฟอยล์ลงบนกระดาษ จากนั้นความร้อนจากแท่นพิมพ์ก็จะละลายแผ่นฟอยล์ให้ไปเคลือบติดอยู่บนกระดาษ การพิมพ์กล่องแบบปั๊มฟอยล์มีให้เลือกหลายสี เช่น ทอง เงิน โรสโกลด์ และบรอนซ์
- สปอต ยูวี (Spot UV) เทคนิคการพิมพ์กล่องแบบสปอต ยูวี เป็นการพิมพ์กล่องแบบเคลือบเงาเฉพาะจุด โดยการนำกระดาษพิมพ์กล่องไปเคลือบด้านเสียก่อน เพื่อให้เกิดความแตกต่างของพื้นผิวกระดาษ จากนั้นใช้ฟิล์มสีโพสิทีฟถ่ายลงบนบล็อคสกรีน แล้วจึงสกรีนลงบนกระดาษพิมพ์กล่อง จากนั้นเคลือบกระดาษด้วยน้ำยา วานิช (Vanish) หรือน้ำยา ยูวี (UV) บนส่วนที่ต้องการเน้นเป็นพิเศษ เช่น ชื่อแบรนด์ โลโก้สินค้า หรือรูปสินค้า จากนั้นและนำกระดาษไปอบแห้งด้วยแสงยูวี กระดาษส่วนที่ต้องการเน้นจะมีลักษณะเป็นมันเงา ตัดกับส่วนที่ด้านของกระดาษที่เคลือบด้านเอาไว้
- เคลือบโฮโลแกรม (Hologram) เป็นเทคนิคการพิมพ์กล่องที่เพิ่มลูกเล่นให้กับกระดาษพิมพ์กล่อง หรือเพื่อป้องกันการปลอมแปลงสินค้าโดยทำให้กระดาษมีลักษณะสามมิติ แวววาว ดูนูนขึ้นมา หรือเกิดเป็นภาพลวงตา เมื่อกระดาษสะท้อนเข้ากับแสงแดด หรือแสงไฟเลเซอร์ (ขึ้นอยู่กับชนิดของโฮโลแกรม) เทคนิคทำได้โดยออกแบบรูปที่จะใช้พิมพ์ให้มี 2-3 ชั้น คือ พื้นหน้า พื้นกลาง และพื้นหลัง จากนั้นเคลือบฟิล์มโฮโลแกรมลงไปบนกระดาษพิมพ์กล่องด้วยเครื่องเคลือบร้อน ก็จะได้กระดาษพิมพ์กล่องที่มีลายโฮโลแกรมสามมิติสวยงาม และเทคนิคการพิมพ์กล่องแบบโฮโลแกรมนี้ ยังสามารถนำไปใช้พิมพ์เฉพาะจุดที่ต้องการป้องกันการปลอมแปลงได้อีกด้วย เช่น รหัสสินค้า หรือ พาสเวิร์ดต่าง ๆ
การพิมพ์กล่องสินค้าแต่ละประเภทให้สวยงามและมีความโดดเด่น จนสามารถดึงดูดใจลูกค้าให้เลือกซื้อสินค้าได้นั้น ต้องผ่านการออกแบบและการเลือกสรรวัสดุพิมพ์กล่อง รวมถึงเทคนิคการพิมพ์อย่างใส่ใจ เพื่อให้ได้กล่องสินค้าที่มีคุณภาพ และยังช่วยยกระดับแบรนด์สินค้าให้ดูดีมากขึ้นด้วย......
Cr. allinoneprinting.co.th
ดาวน์โหลดบทความนี้